นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า 10 อันดับธุรกิจเด่น ปี 2562 มีการพิจารณาจากเกณฑ์ด้านยอดขาย ต้นทุน ส่วนต่างของยอดขายต่อต้นทุน หรือกำไรสุทธิ ผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงและภาวะการแข่งขัน และพิจารณาจากความต้องการและความสอดคล้องกับกระแสนิยม รวมทั้งสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่จะมีส่วนสนับสนุน และบั่นทอนการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ พบว่าปี 2562 ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ อยู่ในอันดับที่ 1 ขยับจากอันดับ 3 ในปีที่ผ่านมา ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก และยังมีช่องทางการจำหน่ายจำนวนมาก รวมทั้งต้นทุนต่ำ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน แม้จะมีความเสี่ยงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และร้านค้าต้องมีความน่าเชื่อถือ รองลงมาอันดับที่ 2 คือ ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามที่ยังคงอันดับเดิมจากปีที่ผ่านมา เพราะผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพ และบริการทางการแพทย์ของไทยมีคุณภาพและราคาไม่แพง อันดับที่ 3 คือ ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว ขยับจากอันดับ 4 ในปีที่แล้วตามพฤติกรรมการดูแลผิวพรรณของทุกช่วงวัยเพิ่มขึ้น อันดับ 4 คือ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงผู้ให้บริการโครงข่าย และธุรกิจขนส่ง และธุรกิจเกม อันดับ 5 เป็นธุรกิจด้านฟินเทค และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี อันดับ 6 ธุรกิจทางการท่องเที่ยวโฮสเทล และธุรกิจบนสตรีทฟู้ด อันดับ 7 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจผู้สูงอายุ และธุรกิจประกันชีวิต อันดับ 8 ธุรกิจด้านติวเตอร์ สถาบันสอนภาษา โดยเฉพาะจีนและอังกฤษ อันดับ 9 เป็นธุรกิจก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจอาหารเสริมสุขภาพ และอันดับที่ 10 ธุรกิจคาร์แคร์ และธุรกิจสิ่งพิมพ์ ป้ายโฆษณาและบรรจุภัณฑ์
ขณะที่ 10 อันดับดาวร่วงปี 2562 ได้แก่ อันดับ 1 คือ ธุรกิจเช่าหนังสือ ธุรกิจหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่ไม่มีการปรับตัว อันดับ 2 ธุรกิจผลิตและจำหน่ายซีดีและดีวีดี อันดับ 3 ธุรกิจร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต และธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร อันดับ 4 ธุรกิจทำผลิตภัณฑ์หนัง ฟอกหนัง อันดับ 5 ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน อันดับ 6 ธุรกิจสถานศึกษาเอกชน และธุรกิจพ่อค้าคนกลางทางการเกษตร อันดับ 7 ธุรกิจของเล่น อันดับ 8 ธุรกิจผลิตสังกะสี อันดับ 9 ธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิม และทำดอกไม้ ใบไม้ประดิษฐ์ และอันดับที่ 10 ธุรกิจอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ และธุรกิจปาล์มน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม การประเมินธุรกิจที่โดดเด่นปีนี้อยู่ภายใต้สมมติฐานทางเศรษฐกิจที่จะขยายตัวในกรอบร้อยละ 4 - 4.2 แม้จะยังมีผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้า แต่จะมีปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ที่เม็ดเงินจากการรณรงค์หาเสียงมาเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ รวมทั้งนโยบายการลงทุนภาครัฐ และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากยุค 3.0 ไปสู่ยุค 4.0 ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจ จะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ 10 อาชีพเด่นปีนี้ ส่วนใหญ่สอดคล้องกับการจัดอันดับธุรกิจที่โดนเด่นโดยเฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุขภาพ ออนไลน์ การท่องเที่ยว ไปจนถึงสตาร์อัพ โดยอันดับ 1 คือ แพทย์ เพราะจำนวนแพทย์ที่ออดสู่ตลาดแรงงานไม่เพียงพอกับความต้องการ อันดับ 2 นักวิเคราะห์ข้อมูล และนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น นักพัฒนาพัฒนาซอฟแวร์ ตามการแข่งขันทางธุรกิจทำให้ต้องเพิ่มกลยุทธ์การแข่งขัน และอันดับ 3 นักบิน และนักการตลาดออนไลน์ ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นหลังประชาชนให้ความสำคัญกับระบบขนส่งที่รวดเร็ว อันดับ 4 นักขายออนไลน์และนักการเงิน อันดับ 5 ผู้พิพากษาหรือทนาย อันดับ 6 ผู้ประกอบการ อันดับ 7 ดารา-นักร้อง อันดับ 8 ทันตแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ด้านความปลอดภัยทางอาหาร อันดับ 9 ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ และกราฟฟิกดีไซน์ และอันดับ 10 ได้แก่ อาชีพที่ปรึกษาธุรกิจ นักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม และอาชีพนักกีฬา อี-สปอร์ต ตามธุรกิจเกมส์ที่มีความโดดเด่น.-สำนักข่าวไทย