นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มร้อนแรงขึ้นจากการพิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ธปท.ได้เตรียมเครื่องมือดูแลเศรษฐกิจประเทศให้รอดพ้นจากปัญหาที่จะเป็นกระทบในช่วงสั้นๆเอาไว้แล้ว เพราะธปท.มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจประเทศ และจะติดตามสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดต่อไป
“ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองที่ออกมาคัดค้านนั้น ถือเป็นด้านบวกของสังคมไทย นักลงทุนคงไม่ได้ดูแค่ตื้นๆ แต่ดูว่าสถานการณ์ขณะนี้จะสามารถปรับตัวและมีการแสดงเหตุผลได้ดีแค่ไหน รวมถึงจะมีการจัดการได้ดีแค่ไหน ถือเป็นความท้าทายและเป็นจุดแข็งของสังคม ซึ่งในระยะยาวประเมินว่าไทยจะบริหารจัดการความนึกคิดอย่างไร ธปท.ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แต่ยืนยันว่าจากข้อมูลที่มีอยู่ในช่วงสัปดาห์นี้ มีการออกมาให้ความเห็นคัดค้านแล้ว ถือเป็นจุดแข็งของสังคมไทย” นายประสาร กล่าว
นายประสาร กล่าวว่า ส่วนภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวเริ่มทรงตัว ไม่ได้เคลื่อนไหวในทิศทางที่แย่ลง และเริ่มมีดัชนีชี้วัดบางตัวกระเตื้องขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งคงต้องติดตามในระยะต่อไปอีก แต่เชื่อว่าแนวโน้มยังไปในทางที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก แม้ว่าการฟื้นตัวอาจยังไม่เข้มแข็งนัก และทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างช้าๆ
ทั้งนี้ แรงขับเคลื่อนที่อาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อไปได้ดี น่าจะเป็นการลงทุนภาครัฐ แม้ว่าในปีงบประมาณ 2556 จะเบิกจ่ายได้ล่าช้ากว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่คาดว่าปีงบประมาณ 2557 การลงทุนภาครัฐจะเป็นตัวหลักที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ ส่วนการส่งออกต้องติดตามดูว่าจะฟื้นตัวว่าสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกได้หรือไม่
“ปีนี้ธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ 3.7% แต่ปีหน้าคาดว่าจะดีขึ้นขยายตัวที่ 4.8% ซึ่งถึงจะลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 5% แต่ก็ถือเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับศักยภาพเศรษฐกิจประเทศที่ระดับ 4-5% ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ” ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว